กรดอัลฟาไลโปอิก Alpha Lipoic Acid


Alpha Lipoic Acid คืออะไร


Alpha Lipoic Acid (ALA) เรียกอีกชื่อว่า Thioctic acid เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้นหรือร่างกายอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ร่างกายจะผลิต Alpha Lipoic Acid ได้น้อยลง

Alpha Lipoic Acid ทำหน้าที่เปลี่ยนกลูโคสให้กลายเป็นพลังงานและคอยจัดการกับอนุมูลอิสระที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการสลายกลูโคสภายในเซลล์ จึงมีผลในการลดน้ำตาลได้ บางประเทศได้อนุมัติให้เป็นยารักษาโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคเบาหวาน

กรดอัลฟาไลโปอิกพบมากที่ตับ เนื้อเยื่ออื่นๆ และอาหารบางชนิด เช่น เครื่องในสัตว์ ยีสต์เนื้อแดง มันฝรั่งผักโขม ผักปวยเล้ง บร็อกโคลี่ ผักขม มะเขือเทศ แม้ว่ากรดอัลฟาไลโปอิกจะมีความสามารถในการกำจัดอนุมูลอิสระได้มาก แต่การรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว ร่างกายจะไม่ได้รับกรดอัลฟาไลโปอิกในปริมาณที่มากพอที่จะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น การจึงมีการคิดค้นเพื่อผลิตในรูปอาหารเสริมขึ้น

คุณสมบัติพิเศษประการหนึ่งของ ALA คือ ละลายได้ทั้งในน้ำและน้ำมัน จึงสามารถดูดซึมเข้าสู่เซลล์ทั่วร่างกายได้ง่าย ตลอดจนผ่านแนวกั้นในสมอง (Blood-brain barrier) ได้ดี ทำให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

นอกจากนี้ Alpha Lipoic Acid (ALA) ยังมีช่วยส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ เช่น วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอน CoQ10 ฯลฯ โดยปกติแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้เมื่อทำหน้าที่กำจัดอนุมูลอิสระแล้ว จะหมดประสิทธิภาพไป แต่ กรดอัลฟาไลโปอิก จะช่วยซ่อมสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ให้กลับมาใช้งานซ้ำได้อีก ทั้งยังเป็นสารทดแทนกรณีสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆขาดแคลนไป อีกทั้งALA ยังช่วยเพิ่มปริมาณกลูต้าไธโอนที่ร่างกายผลิตเองได้เอง กระบวนการนี้จะช่วยขจัดสารพิษออกจากตับได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย จากคุณสมบัติสุดพิเศษเหล่านี้ กรดอัลฟาไลโปอิกจึงได้รับยกย่องว่าเป็น Universal Antioxidant


ประโยชน์ของ Alpha Lipoic Acid

  1. กรดอัลฟาไลโปอิกช่วยดึงกลูต้าไธโอนที่มีอยู่แล้วกลับมาในรูปแบบที่ใช้งานได้อีก ช่วยเพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในตับ จึงมีส่วนช่วยให้ผิวขาวขึ้น และช่วยให้ตับขับล้างสารพิษตกค้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายจึงสุขภาพดีทั้งภายนอกและภายใน
  2. กรดอัลฟาไลโปอิก มี Sulfur เป็นองค์ประกอบ ช่วยทำให้ผิวสะอาด และช่วยลดอาการบวมแดงจากสิวได้
  3. กรดอัลฟาไลโปอิก มีคุณสมบัติส่งเสริมการออกฤทธิ์กับอินซูลิน โดยจะช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนในการย่อยเผาผลาญน้ำตาลให้เป็นพลังงาน จึงมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานตอบสนองต่ออินซูลินได้ดีขึ้น
  4. กรดอัลฟาไลโปอิก ทำงานร่วมกับเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย เพื่อเร่งกระบวนการสร้างพลังงาน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพช่วยให้อนุภาคที่ไม่เสถียรของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นกลับมาเสถียรอีกครั้ง
  5. กรดอัลฟาไลโปอิก ช่วยควบคุมระดับของธาตุเหล็กและทองแดงซึ่งเป็นแร่ธาตุจำเป็นของร่างกายให้อยู่ในระดับที่พอดี
  6. กรดอัลฟาไลโปอิก จะไปจับกับสารโลหะหนักในร่างกาย แล้วขับออกจึงช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้ได้รับความเสียหายจากโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  7. กรดอัลฟาไลโปอิกป้องกันโรคหลอดเลือดแข็งตัว โดยกรดอัลฟาไลโปอิกจะป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นของโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL)
  8. กรดอัลฟาไลโปอิก ป้องกันโรคต้อกระจก มีงานวิจัยจาก University of California พบว่าการรับประทานกรดอัลฟาไลโปอิกในปริมาณ 25 mg/kg ต่อน้ำหนักตัว จะสามารถป้องกันโรคต้อกระจกได้ 60%

    คำแนะนำในการเลือกซื้อ Alpha Lipoic Acid


    กรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha Lipoic Acid) ที่ขายอยู่ทั่วไปแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
    • Alpha Lipoic Acid แบบธรรมดา ราคาถูกกว่า (ส่วนมากที่ขายกันทั่วไปจะเป็นรูปแบบนี้)
    • R-Lipoic Acid แบบประสิทธิืภาพสูง ราคาแพงกว่า
    โดยปกติ Alpha Lipoic Acid จะอยู่ในรูปแบบของ R และ S อย่างละครึ่ง แต่รูปแบบ R (R-Lipoic Acid) เป็นรูปแบบที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ดีที่สุด จึงมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยพบว่า รูปแบบ R(R-Lipoic Acid) มีประสิืทธิภาพสูงกว่าAlpha Lipoic Acid แบบธรรมดาถึง 10 เท่า

    การรับประทาน Alpha Lipoic Acid ที่มีความเข้มข้นสูง มักจะใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน ระบบประสาทเสื่อม อัมพาต ฯลฯ โดยรับประทาน 300-600 มก. ต่อวัน ส่วนการรับประทานทานเพื่อบำรุงผิวพรรณและต่อต้านอนุมูลอิสระนั้น รับประทานเพียง 100 - 150 มก. ต่อวัน ก็เพียงพอแล้ว